10 เรื่องที่ต้องรู้ในการตกแต่งบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรัก

สัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวที่น่ารักและแสนดี หลายคนจึงเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเช่นน้องหมา น้องแมวไว้ในบ้าน เพื่อสร้างความสุข ความผูกพัน และความอบอุ่นใจให้กับสมาชิกในครอบครัว การตกแต่งบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยง (Pet friendly home) จึงเป็นการออกแบบ และตกแต่งบ้านเหมาะสมกับการใช้งานของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ไม่ทำให้บ้านดูรก มีความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์ มีความสวยงามน่าอยู่

10 เรื่องที่ต้องรู้ในการตกแต่งบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยง มีดังต่อไปนี้

  1. วางแผนคร่าวๆ ในการณีที่มีโครงการจะรีโนเวตบ้านใหม่เพื่อรองรับการเลี้ยงสัตว์ ควรพิจารณาชนิดของสัตว์เลี้ยง ขนาดของสัตว์เลี้ยง และอุปกรณ์นิสัยของแต่ละสายพันธ์ ซึ่งมีผลต่อการใช้พื้นที่ (space) ในบ้าน เช่นสุนัขพันธ์ขนาดกลาง ไปถึงขนาดใหญ่ อาจจะต้องการสนามหญ้ากว้างๆ ลานซีเมนต์ไว้เป็นที่พักผ่อน ในขณะที่สุนัขสายพันธุ์เล็กอาจจะต้องการแค่มุมใดมุมหนึ่งในบ้านไว้วางคอกขนาดพอดีตัว ในขณะที่แมว ถ้าเป็นบ้านในเมืองจำเป็นต้องเลี้ยงในระบบปิด อาจจะสร้างเป็นคอนโดแมวในห้องใดห้องหนึ่ง หรือรีโนเวตบริเวณข้างบ้านเป็นห้องสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ นอกจากนี้ควรพิจารณาไปถึงความเหมาะสมกับสมาชิกในบ้านด้วยว่ามีคนแก่ และเด็กเล็กอาศัยร่วมกันหรือไม่ เพื่อการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้ชัดเจน ไม่เป็นการรบกวนกันและกัน
  2. เลือกพื้นที่ปลอดภัย ง่ายต่อการทำความสะอาด ควรปูพื้นด้วยวัสดุที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง ไม่ลื่นจนเกินไป เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับข้อและกระดูกในอนาคต ใช้วัสดุที่สัตว์เลียได้ ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและความสกปรก วัสดุปูพื้นที่เหมาะสม เช่น ไม้เทียม กระเบื้องยาง เป็นต้น
  3. หลีกเลี่ยงการตกแต่งบ้านด้วยพรม เนื่องจากขนร่วงจากสัตว์เลี้ยงจะสะสมอยู่ในพรม เป็นอันตรายต่อระบบการหายใจของทั้งคนและสัตว์ อีกทั้งประหยัดเวลาในการทำความสะอาดไม่ต้องดูดฝุ่นบ่อยๆ
  4. เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับสัตว์เลี้ยง ควรเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากหนังแท้ หรือไม้มีมุมแหลมง่ายต่อการกัดแทะ หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ผ้าที่ที่สะสมขนสัตว์ อย่างไรก็ก็ตามขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของสัตว์เลี้ยง การฝึกฝน ซึ่งถ้าเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีวินัยในการฝึกสัตว์เลี้ยงของตนเอง เฟอร์นิเจอร์โดยทั่วไปก็สามารถใช้ตกแต่งได้ตามปกติ
  5. เสริมเบาะรองป้องกันพื้น หรือเฟอร์นิเจอร์เป็นรอย สัตว์เลี้ยงบางสายพันธุ์มีนิสัยชอบขุดคุ้ย เจ้าของบ้านควรเสริมเบาะป้องกันการขีดข่วน หรือจัดมุมที้งในตัวบ้านและนอกบ้านให้สัตว์เลี้ยงได้ขุดคุ้ยตามอุปนิสัย
  6. ปรับเปลี่ยนพื้นที่ข้างบ้านเป็นห้องน้องหมา น้องแมว ถ้ามีพื้นที่มากพอบริเวณข้างบ้าน อาจจะต่อเติมเป็นห้องสำหรับสัตว์เลี้ยงแยกออกมาจากตัวบ้าน ติดตั้งระบบส่องสว่าง ระบบระบายอากาศให้เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ เช่น สุนัขพันธ์ไซบีเรียน ฮัสกี พันธุ์อาสกัน มาลามิวท์ ที่มีถิ่นกำเนิดจากเมืองหนาวจึงต้องมีการติดแอร์
  7. วัสดุกันเสียงรบกวนที่เกิดจากสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน ควรเลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดเสียงเห่าของสุนัขได้ เช่น โฟมซับเสียง สมาร์ทบอร์ดเก็บเสียง ซีลกันเสียง (Noise Zeal) ตามประตู หน้าต่าง หรือาจจะติดผ้าม่านเพิ่มในบ้าน
  8. อุณภูมิ ความชื้น และอากาศถ่ายเทสะดวก โดยทั่วไปสัตว์เลี้ยงสามารถอยู่ร่วมกันคนในพื้นที่ที่มีอุณภูมิ ความชื้นเดียวกัน แต่ในกรณีที่เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่บ้าน แล้วสัตว์เลี้ยงอยู่กันตามลำพัง ควรมีการออกแบบระบบบ้านให้ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงตามแต่ฤดูกาล อาจจะติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดความร้อนแล้วปรับอุณภูมิให้เหมาะสม เปิดแอร์ เปิดช่องระบายอากาศก่อนออกจ้ากบ้าน
  9. ติดตั้งระบบไฟฟ้าในตำแหน่งที่ปลอดภัย ติดตั้งจุดเสียบไฟฟ้าให้สูงขึ้น ปิดรูปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้งาน หรือเสี่ยงต่ออันตราย ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
  10. ดัดแปลงของเก่ามาใช้ประโยชน์ การรีไซเคิลข้าวของเครื่องใช้เก่านำกลับมาใช้กับสัตว์เลี้ยง เช่น ชามเก่าๆ นำกลับมาเป็นชามน้ำ ชามอาหารสัตว์เลี้ยง กล่องลังกระดาบ นำกลับมาให้น้องแมวใช้เป็นของเล่น เป็นที่ลับเล็บ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางการแต่งบ้านให้เอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับงบประมาณ อุปนิสัย ชนิดของสัตว์เลี้ยง เพราะเขาได้เป็นสมาชิกในครอบครัวเราไปแล้ว และเมื่อสัตว์เลี้ยงของเรามีความสุข มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในครอบครัว เราก็จะมีความสุขตามไปด้วย